• นัดหมายและสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่งผลต่อการรักษาอย่างไร

07 January 2025

ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่ ส่งผลต่อการรักษาอย่างไร

มะเร็งลำไส้ใหญ่ เป็นหนึ่งในมะเร็งที่พบได้บ่อยในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี มะเร็งชนิดนี้เกิดขึ้นในลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง อาจเริ่มจากติ่งเนื้อเล็ก ๆ ที่พัฒนากลายเป็นมะเร็งในระยะต่อไป การตรวจคัดกรองและการสังเกตอาการแรกเริ่มมะเร็งลำไส้อย่างสม่ำเสมอจึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงจากโรคร้ายนี้ได้


ระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่มีกี่ระยะ

การแบ่งระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนการรักษา โดยแบ่งออกเป็น 4 ระยะหลัก ดังนี้

- ระยะที่ 1

มะเร็งอยู่เฉพาะในชั้นเยื่อบุผนังลำไส้ใหญ่หรือไส้ตรง ยังไม่กระจายไปยังต่อมน้ำเหลืองหรืออวัยวะอื่น ๆ อาการมะเร็งลําไส้ ระยะที่ 1 ผู้ป่วยมักไม่มีอาการเด่นชัด แต่อาจพบอาการผิดปกติเล็กน้อย เช่น ท้องอืด หรือถ่ายอุจจาระมีเลือดปน

- ระยะที่ 2

มะเร็งลุกลามลึกขึ้นในผนังลำไส้ใหญ่ แต่ยังไม่กระจายไปต่อมน้ำเหลืองอาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 2 ผู้ป่วยอาการเริ่มชัดเจนขึ้น เช่น ปวดท้องเรื้อรัง น้ำหนักลดโดยไม่มีสาเหตุ หรือความเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย

- ระยะที่ 3

มะเร็งลุกลามไปยังต่อมน้ำเหลืองใกล้ลำไส้ใหญ่ แต่ยังไม่กระจายไปยังอวัยวะอื่น อาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 3 มักรุนแรงขึ้น เช่น อ่อนเพลีย มีเลือดในอุจจาระ และท้องผูกหรือท้องเสียสลับกัน

- ระยะที่ 4

มะเร็งได้กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ ปอด หรือกระดูก อาการมะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะที่ 4 อาจรวมถึงปวดรุนแรง น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็ว และอ่อนเพลียอย่างมาก


การรักษาในแต่ละระยะ

- ระยะที่ 1: การรักษาหลักในระยะแรกคือการผ่าตัดเพื่อนำก้อนเนื้อออก ในกรณีนี้ไม่จำเป็นต้องใช้เคมีบำบัด

- ระยะที่ 2: มะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะ 2 การรักษาหลักคือการผ่าตัด และอาจพิจารณาให้เคมีบำบัดเสริมภายใน 4-6 สัปดาห์หลังผ่าตัดเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง

- ระยะที่ 3: การรักษาเป็นแบบผสมผสาน อาจมีการผ่าตัด เคมีบำบัด การฉายรังสีเพิ่มเติมเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่หลงเหลือ และอาจพิจารณาการรักษามะเร็งด้วยความร้อนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการรักษา

- ระยะที่ 4: มะเร็งลำไส้ใหญ่ ระยะสุดท้าย การรักษามุ่งเน้นไปที่การรักษาแบบประคับประคอง และบรรเทาอาการให้ผู้ป่วย โดยใช้เคมีบำบัด การรักษาแบบมุ่งเป้า (Targeted therapy) หรือการฉายรังสี

ในทุกระยะ การเริ่มรักษาทันทีหลังการวินิจฉัยจะช่วยเพิ่มโอกาสในการควบคุมโรค และยืดอายุการอยู่รอด


การตระหนักถึงอาการแรกเริ่มมะเร็งลำไส้

อาการแรกเริ่มมะเร็งลำไส้ที่ควรระวัง ได้แก่

- การถ่ายอุจจาระที่เปลี่ยนไป เช่น ท้องเสียหรือท้องผูกเรื้อรัง

- อุจจาระมีเลือดปน

- ปวดท้องเรื้อรัง

- น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ

หากพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อรับการตรวจวินิจฉัย


สรุป

การรู้และเข้าใจเกี่ยวกับระยะของมะเร็งลำไส้ใหญ่มีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการวางแผนการรักษา การสังเกตอาการแรกเริ่มมะเร็งลำไส้ และการตรวจคัดกรองอย่างสม่ำเสมอจะช่วยให้สามารถตรวจพบโรคได้ในระยะเริ่มต้น ซึ่งมีโอกาสรักษาให้หายขาดได้สูง หากพบความผิดปกติใด ๆ ควรปรึกษาแพทย์โดยเร็วที่สุด เพื่อการวินิจฉัยและวางแผนการรักษาที่เหมาะสมต่อไป



ปรึกษาปัญหามะเร็ง
โดยไม่มีค่าใช้จ่าย